สธ.ร่วมกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด พัฒนานวัตกรรมยาชีวเภสัชภัณฑ์ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub
สธ.ร่วมกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด พัฒนานวัตกรรมยาชีวเภสัชภัณฑ์ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub
กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ในการนำนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไปขยายผล รวมถึงการต่อยอดผลการวิจัยพัฒนาต้นน้ำเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หรือวิธีทดสอบ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง และประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพได้มากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ภายในปี 2568
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
ที่ผ่านมาประเทศไทยต้องนำเข้ายาชีววัตถุปีละมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท
แต่คนไทยสามารถเข้าถึงยาดังกล่าวได้เพียง 5,338 ราย
ยังมีคนไทยที่ป่วยอีกกว่า 2 ล้านรายที่ต้องได้รับยาดังกล่าว
ดังนั้นรัฐบาลจึงเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวภายใต้โมเดลประเทศไทย 4.0
โดยการส่งเสริมให้ภาครัฐร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา
ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ไปสู่เป้าหมายในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของนวัตกรรมกลุ่มสุขภาพ
และผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ในปี พ.ศ.2568
กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ปรับแผนการทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี
ด้านสาธารณสุข ด้วยการปฏิรูประบบสาธารณสุข
และสร้างความเข้มแข็งไปสู่ความยั่งยืน
เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำด้านการแพทย์และสาธารณสุข 1 ใน 3
ของเอเชีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นหน่วยงานหนึ่งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่มีบทบาทสำคัญในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข ดังนั้นเพื่อให้ผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติได้สำเร็จ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงได้ร่วมมือทำข้อตกลงกับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด โดยความร่วมมือครั้งนี้จะมีส่วนช่วยพัฒนาให้ไทยเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ โดยการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยให้เกิดนวัตกรรมของประเทศ พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์ของภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดการนำเข้าและสร้างมูลค่าทางการแข่งขันของประเทศส่งผลให้ประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายใต้โมเดลประเทศไทย 4.0 ตามแนวทางประชารัฐ
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
ที่ผ่านมากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีผลงานสำคัญ ได้แก่
การพัฒนาชุดทดสอบที่ผ่านการประเมินและตรวจสอบคุณภาพ
มีการผลิตในระบบคุณภาพ EN ISO 13485:2012 เช่น ชุดทดสอบมาลาเรีย
ชุดตรวจเชื้อเลปโตสไปรา ชุดตรวจ สเตียรอยด์ เป็นต้น
การพัฒนาวิธีทดสอบด้านชีวโมเลกุล เช่น Real time PCR
โดยมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ คือ เอนไซม์ Taq Polymerase การพัฒนา
Biotherapeutics โดยมีระบบการสร้างและผลิตรีคอมบิแนนท์โปรตีนใน E.coli และ
mammalian cell เพื่อผลิตโปรตีนแอนติเจนและโมโนโคลนอลแอนติบอดี ชนิด
prototype เพื่อทำการศึกษาในระดับพรีคลินิก
และมีศูนย์วิจัยทางคลินิกทำการศึกษาวิจัยทางคลินิก
นอกจากจะร่วมมือกันในการพัฒนายาชีวเภสัชภัณฑ์ภาคอุตสาหกรรม
ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยผลักดันการนำนวัตกรรม
ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาไปขยายผล
รวมถึงการต่อยอดผลการวิจัยพัฒนาต้นน้ำเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หรือวิธีทดสอบ
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง
และประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพมากยิ่งขึ้น
ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
จะร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปสู่เป้าหมายสูงสุด มั่นคง มั่งคั่ง
ยั่งยืน
หน้าแรก
การให้บริการ
- ขั้นตอนการให้บริการ
- เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ
- ประชุมผู้ประกอบการ
- รายการตรวจสอบคุณภาพ
- การฝึกอบรม
- รายการทดสอบที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025
- ชีววัตถุอ้างอิงมาตรฐานที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 17034
- ระบบบริหารงานคุณภาพที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 9001
- เกณฑ์การตัดสินผล (Decision Rule)
- ระบบค้นหาชีววัตถุที่ผ่านการรับรองรุ่นการผลิต
- การรักษาความลับและความเป็นกลาง
- Golden Book